JMART ผ่านจุดต่ำสุดใน Q2/66 เชื่อมั่นผลงานฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งปีหลังชูธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
JMART เดินหน้าต่อ ชี้ Q2/66 เป็นจุดต่ำสุดปีนี้ จากผลกระทบกลุ่มบริษัท SINGER แต่ได้เร่งปรับกลยุทธ์ ตลอดจน ปรับโครงสร้างการบริหาร เพื่อผลงานคืนฟอร์มกลับมาแข็งแกร่ง คาดเห็นการฟื้นตัวที่ดีใน Q3/66 ต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวม JMT ยังเป็นสตาร์ที่ทำกำไรได้อย่างโดดเด่น พร้อมเดินหน้าSynergy บริษัทในกลุ่มทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ ปั้น Growth Driver ของบริษัทในอนาคต
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (JMART) เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 จากความพยายามในการปรับกลยุทธ์ให้ดีที่สุด หลังจากไตรมาส 2/2566 นี้ มีผลขาดทุน 611 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลการขาดทุนในบริษัทร่วม ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) ที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด
พร้อมย้ำให้นักลงทุนมั่นใจ ไตรมาส 2/2566 คือ จุดต่ำสุดของปี และคาดว่าผลงานจะพลิกกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ โดยยังคงมีปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ เช่น การเติบโตของธุรกิจติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ เจเอ็มที ซึ่งเพิ่งได้พอร์ตสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันขนาดใหญ่เข้ามาในไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา การเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ Jas Green Village บางบัวทอง ของบริษัทย่อย เจเอเอส แอสเซ็ท ในเดือนกันยายน 2566 นี้ พร้อมกับ การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดจำหน่ายมือถือที่จะมี มือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่าย พร้อมกับการ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน “New Ecosystem” เพื่อต่อจิ๊กซอว์สร้างการเติบโตจาก Synergy ภายในกลุ่มบริษัท
อย่างไรก็ดี ล่าสุด บริษัทที่เป็นเรือธงของเจมาร์ท ได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมา โดยบริษัท เจ เอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ทำกำไรไตรมาส 2/2566 ได้อย่างแข็งแกร่งที่ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส รับยอดจัดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีกำไรจากการซื้อลูกหนี้เก็บเข้าพอร์ต สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% พร้อมประกาศปันผลระหว่างกาล 0.34 บาท/หุ้น ขึ้น XD 24 ส.ค.66 กำหนดจ่าย 8 ก.ย.66 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ